Handwrite หรือการค้นหาคำจากการเขียนด้วยมือจาก Google

Handwrite หรือการค้นหาคำจากการเขียนด้วยมือ ของเล่นใหม่ล่าสุดจาก Google
By itechload
Google หลังจากพัฒนาการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง, การแสดงผลลัพธ์จากการพิมพ์ก่อนที่เราจะพิมพ์เสร็จ หรือการค้นหาโดยภาพ ล้วนแล้วแต่เป็นผลดีกับผู้ใช้อย่างเรา ล่าสุดการค้นหาผ่านเว็บ Google บนอุปกรณ์พกพากลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นเมื่อมี Handwrite

Handwrite คือคุณลักษณะการค้นหาคำจากการเขียนด้วยมือของเรา เพียงเข้าไปที่ www.google.com ผ่านเบราวซ์เซอร์บนมือถือ สำหรับประเทศไทยให้ทำการเปลี่ยนภาษาให้เป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วแตะที่เมนู Settings แล้วติ๊กที่ Enable  ในส่วนของ Handwrite ? แล้วบันทึกการตั้งค่า

สำหรับแท็บเล็ต การตั้งค่าจะอยู่มุมขวาบนของหน้าเบราวซ์เซอร์ แล้วแตะที่เมนู Settings แล้วติ๊กที่ Enable  ในส่วนของ Handwrite ? แล้วบันทึกการตั้งค่า

หลังจากตั้งค่าเปิดการใช้งาน Handwrite แล้วรีเฟรชหน้าเว็บ google จะมีป๊อบอัพขึ้นมา ให้แตะที่สัญลักษณ์ Handwrite (ตามภาพ) เพียงแค่นี้ก็สามารถเขียนคำเพื่อค้นหาได้แล้ว

คุณสมบัตินี้จะทำงานได้ดีสุดบน Chrome รองรับการทำงานบน iOS5+, มือถือ Android 2.3+ และแท็บเล็ต Android 4.0+ และรองรับการทำงานแล้วกว่า 27 ภาษา
ที่มา : insidesearch

Google เปิดเว็บเกาะติดข่าว-คลิป-ดูสด “Olympic 2012″


Google เปิดเว็บเกาะติดข่าว-คลิป-ดูสด ไม่พลาด “Olympic 2012″

ิBy techload
กูเกิล เปิดตัวเว็บไซต์ติดตามสถานการณ์และข้อมูลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ใช้คุณสมบัติหลากหลายร่วมเชียร์และชมถ่ายทอด ผ่านกูเกิลพลัส สตรีทวิว และยูทูบ…
เพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “กูเกิล” ได้เปิดตัวเว็บไซต์ google.co.uk/olympics ซึ่งมีให้เลือกเข้าถึงข้อมูลได้จากหลายภาษารวมถึงภาษาไทย พร้อมรวบรวมฟีเจอร์หลากหลายของกูเกิล เพื่อให้คอกีฬาได้ร่วมติดตามเชียร์และลุ้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012 อย่างใกล้ชิด ได้แก่ การค้นหาผ่านกูเกิล ทั้งจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือแท็บเล็ต เกี่ยวกับ london 2012 หรือ ทัพนักกีฬาจากประเทศไทย หรือประเภทกีฬาที่ติดตามอยู่ เช่น ว่ายน้ำ เพื่อติดตามตารางแข่งขัน จำนวนเหรียญรางวัล และการทำลายสถิติ
-  ติดตามประเด็นร้อนบนเว็บไซต์ในหัวข้อ “สุดยอดการค้นหาที่ได้รับความนิยม” จากข้อมูลวิเคราะห์ที่จะบอกคุณว่าผู้คนทั่วโลกกำลังค้นหาอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อการสนทนา ตัวนักกีฬา หรือกิจกรรมการแข่งขัน โดยผลการวิเคราะห์เหล่านี้จะอัพเดททุกชั่วโมง
-  เชื่อมโยงทีมในดวงใจ นักกีฬาคนโปรดหรือคู่แข่งที่ต้องจับตา โดยสามารถติดตามหรือและส่งแรงเชียร์ได้ผ่าน Google+ โดยปรับแต่งรูปภาพเป็นลายธงชาติและติดตาม ผ่าน +The Olympics Games และ +London 2012
-  สำรวจลอนดอนได้ง่ายๆ เพียงให้ Google Earth พาสำรวจทั่ว Olympic Park ทั้งสนามแข่งขันจักรยานและวิ่งมาราธอน หรือท่องเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ของกรุงลอนดอน พร้อมเปรียบเทียบภาพถ่ายทางอากาศลอนดอนปี 1948 (ที่เป็นปีล่าสุด ที่ลอนดอนเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก) กับลอนดอนในยุคปัจจุบัน
- สำรวจความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น และดูไฮไลต์สำคัญจากโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ผ่านมาจาก ยูทูบ ซึ่งสามารถนำทุกเกมส์การแข่งขันมาให้ชม โดย 64 ประเทศในทวีปแอฟริกาและเอเชีย รวมถึงอินเดีย อินโดนีเซีย เคนย่า และไนจีเรีย จะสามารถดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกผ่านเว็บไซต์ยูทูบได้แบบสดๆ ผ่านทาง www.youtube.com/olympic อีกด้วย
ที่มา : thairath

Asphalt 7: Heat สำหรับ Android


Asphalt 7: Heat สำหรับ Android เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ !

by itechload.blogspot.com
หลังจากเปิดตัวไปไม่นาน Gameloft เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วกับเกมแนว Racing แข่งรถสุดมันส์ Asphalt 7 : Heat สำหรับ iOS 4.0 ขึ้นไป รองรับทั้ง iPhone, iPod, iPad ล่าสุดวันนี้ลงสู่ Google Play ให้ชาว Android ดาวน์โหลดไปเล่นกันได้แล้ว ด้วยราคา $0.99
ที่พิเศษกว่าภาคอื่น ๆ ก่อนหน้านี้คงเป็นที่ราคาของเกมครับ เพราะเปิดตัวด้วยราคาแค่ $0.99 เท่านั้น รีบโหลดด่วนเลยครับ ไม่แน่อาจอาจจะขึ้นราคาหลังจากนี้ก็ได้


สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี

Instagram for Android ผู้ใช้เพิ่ม


Instagram มียอดผู้ใช้งานแตะ 80 ล้านคนแล้ว



[27-กรกฏาคม-2555] เปิดตัวมาได้ร่วม 2 ปี พร้อมกับขยายสังคม Instagram ไปยังแพลทฟอร์ม Android เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ล่าสุด Instagram ได้ประกาศความสำเร็จ กับฐานผู้ใช้งานที่มีมากกว่า 80 ล้านคนทั่วโลกแล้ว โดยมีภาพแชร์กว่า 4 พันล้านภาพเลยทีเดียว
เมื่อมีข่าวดี ก็ย่อมมีข่าวร้ายตามมาครับ เมื่อผู้ใช้งาน Instagram ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ Find Friend หรือคุณสมบัติค้นหาเพื่อน ผ่าน Twitter ได้แล้ว โดย Instagram ระบุว่า Twitter ไม่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลผ่าน API แต่ผู้ใช้งาน Instagram ยังสามารถแชร์ภาพผ่าน Twitter ได้ตามปกติครับ ซึ่งประเด็นนี้ มีผู้ให้ความเห็นว่า Facebook น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน เนื่องจากเป็นเจ้าของ Instagram แล้วนั่นเอง






[รีวิว] การใช้งาน Instagram for Android


     Instagram เป็นแอพที่ใช้ถ่ายภาพและใส่ฟิวเตอร์ แล้วอัพโหลดขึ้นเว็บ Instagram และ Social Network ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง  ซึ่งได้เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2010 บน iOS จุดเด่นที่ทำให้ได้รับความนิยมคือสามารถถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วและมีฟิลเตอร์ให้แต่งภาพหลากหลายรูปแบบจึงทำให้เป็นที่นิยมในปัจจุบัน 
และหลังจากที่มีข่าวจะเปิดตัวบน Android และให้มีการลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารการเปิดตัวประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้ก็พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว เรามาดูการใช้งานกันครับว่าหน้่าตา Instagram บน Android นั้นเป็นยังไงกันบ้าง
เมื่อเข้ามา Instagram Android จะพบกับภาพื้นซึ่งเป็นภาพถ่ายจากผู้ใช้งานทั่วโลก และจะมีเมนู Sign up และ Login


  • Sign up หากยังไม่ได้สมัครใช้งานสามารถสมัครได้ที่นี่
  • Login ถ้ามีชื่อผู้ใช้งานแล้วสามารถ Login ได้ทันที










    เมื่อเข้ามาที่หน้า Home ก็จะพบกับผู้ใช้งานที่เราได้ follow ไว้
    เมนูรูปดาว จะเป็นภาพที่ได้รับความนิยม POPULAR ซึ่งมารวบรามอยู่ในนี้
    เมนูกล้อง สามารถถ่ายภาพใหม่ หรือจะนำภาพเดิมมาแต่ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
    • Camera หากต้องการถ่ายภาพใหม่
    • Photo Gallery เลือกภาพจากในอัลบั้มภาพ
    NEWS จะเป็นการแจ้งเตือนเมื่อมีผู้มา Follow หรือกด like , comment ที่ภาพก็จะมีการแจ้งเตือนและสามารถดูได้จาก NEWS
    มาถึงในส่วน Profile ของผู้ใช้ก็จะมีการแสดงผลต่าง ๆ ดังนี้ Photo, Followers , Following และโชว์ภาพถ่ายทั้งหมดที่ได้ถ่ายและแชร์ไว้บน Instagram
    และเมื่อเลือกไปที่การตั้งค่า Profile ก็จะพบกับเมนูการตั้งค่าต่าง ๆ ได้จากที่เมนูนี้
    เริ่มการถ่ายภาพและแต่งภาพกันครับว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง
    • เมนูกอบสี่เหลี่ยม คือกรอบแบบต่าง ๆ ถ้าหากเลือกที่เมนูนี้ในการเลือกฟิลเตอร์ด้านล่างก็จะมีกรอบรูปแบบต่าง ๆ ด้วย
    • เมนูปรับแสง จะเป็นการปรับแสงอััตโนมัติให้ภาพมีความสว่างและคมชัดมากยิ่งขึ้น
    • หมุนภาพ จะเป็นการหมุนภาพถ่ายถ้าต้องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งทิศทางการวางภาพ
    ตอนนี้เราจะแต่ภาพนี้โดยเลือกใส่กรอบ และเลือก filter แบบ X-PRO 
    และทำการปรับแสงที่เมนูปรับแสง
    และเมื่อปรับแต่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้เลือก >> เพื่อแชร์ไปยัง Instagram
    ในหน้านี้สามารถระบบรายละเอียดของภาพถ่ายได้ และสามารถแชร์ไปยัง Social Network ต่าง ๆ เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วเลือกที่ UPLOAD ได้เลย
    • Type your caption here ใส่ข้อความบรรยายภาพ
    • Enable Geotag ระบุตำแหน่งที่ถ่ายภาพ
    จากการใช้งาน ผมรู้รู้สึกว่าจะใช้งานง่าย มองแล้วเข้าใจว่าต้องทำอะไรบ้าง เหมาะมากสำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้งานแอพแนวนี้ ลูกเล่นของแอพถูกจัดวางไว้อย่างเป็นขั้นตอนอยู่แล้วครับ 
    ใครที่สนใจสามารถโหลดมาทดลองได้แล้วครับ ซึ่งสามารถโหลดได้ฟรี
    โหลดฟรีที่นี่

    Samsung Galaxy S 3 (III) ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3


    Samsung Galaxy S 3 (III) ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3 อัพเดท สเปคและราคา Galaxy S 3 ล่าสุด : ใกล้ความเป็นจริง Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) เตรียมรับอัพเดท Android 4.1 Jelly Bean เร็วๆ นี้ 




    [23-กรกฏาคม-2555] แม้ว่าก่อนหน้านั้น จะมีข่าวออกมาว่า ทางวิศวกรของซัมซุง จะยังไม่แน่ใจว่า ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean จะสามารถใช้งานบน Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) ได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ ทั้งๆ ที่ซีพียูบนSamsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) สามารถอัพเดท Android 4.1 Jelly Bean ได้อย่างสบายๆ ล่าสุด ดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งาน Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) ครับ เมื่อมีข่าวว่า ทางซัมซุง กำลังทดสอบAndroid 4.1 Jelly Bean กับ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) อยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะสามารถปล่อยให้อัพเดทกันได้ ประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้
    นอกจากทางซัมซุง จะทดสอบกับ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) แล้ว ก็มีข่าวดีสำหรับ Samsung Galaxy S II เช่นกันครับ เนื่องจากก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ร่วมทดสอบ Android 4.1 Jelly Bean ด้วยอีกรุ่น แต่ยังไม่มีรายงานออกมาว่า Samsung Galaxy S II จะได้รับการอัพเดทเป็น Android 4.1 Jelly Bean เมื่อไหร่ - phandroid.com
    Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในไทยแล้ว เคาะราคาขายที่เครื่องละ 21,900 บาท
    หลังจากเปิดตัว Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) ครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษไปแล้ว เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว เมื่อค่ำคืนวานนี้ (7 มิ.ย. 55) ด้วยการปิดพารากอน ฮอลล์ กันเลยทีเดียวครับ ซึ่งภายในงาน ได้มีเหล่าเซเลป และดารา เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่งอีกด้วย
    สำหรับราคาเปิดตัว Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) นั้น เปิดจำหน่ายที่เครื่องละ 21,900 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือ สีขาว Marble white และ สีน้ำเงิน Pebble blue แต่ว่าในช่วงแรกนั้น จะมีเพียง Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) สีขาว Marble white จำหน่ายก่อนครับ ส่วนสีน้ำเงิน Pebble blue จะทยอยตามมาทีหลัง ถ้าหากมีความคืบหน้า การวางจำหน่าย Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) สีน้ำเงิน Pebble blue เมื่อไหร่ จะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ
    [4-พฤษภาคม-2555] เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ในงาน Samsung Mobile UNPACKED 2012 ซึ่งจัดขึ้นที่ Earls Court ณ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตามเวลาในประเทศอังกฤษ หรือประมาณตีหนึ่ง ของวันที่ 4 พฤษภาคม ตามเวลาในประเทศไทยนั่นเอง โดยในงานนี้ ได้มีการเปิดตัว สมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy โดย ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) เรียกได้ว่า เรือธงนัมเบอร์ใหม่จากซัมซุง ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
    Earls Court สถานที่จัดงานในครั้งนี้
    ใครที่คาดหวังว่า Samsung Galaxy S III นั้น จะมีความละเอียดของกล้องดิจิตอลด้านหลังถึง 12 ล้านพิกเซล คงต้องผิดหวังไปตามๆ กันครับ เนื่องจาก Samsung Galaxy S III มีความละเอียดเซนเซอร์กล้องแค่ 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น ซึ่งเป็นความละเอียดที่เท่ากับ Samsung Galaxy S II และ Samsung Galaxy Note นั่นเอง อย่างไรก็ดี กล้องดิจิตอลบน (Samsung Galaxy S 3) นั้น ได้พกฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามามากมาย ดังนี้
    - Zero shutter lag หมดห่วงเรื่องชัตเตอร์ช้า ชัดเตอร์ค้าง
    - ใช้เวลาเปิดใช้งานกล้องไม่ถึง 1 วินาที
    - Burst shot ถ่ายได้ 20 รูปในคราวเดียว
    - โหมดถ่ายภาพรัวได้ 3.3 ภาพต่อวินาที หลังจากนั้นเลือกภาพที่ดีที่สุด
    - กล้องด้านหน้า ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดระดับ HD
    - สามารถ capture ภาพไปพร้อมๆ กับการถ่ายวิดีโอ ในเวลาเดียวกันได้
    - Video stabilisation ลดการสั่นไหวของภาพ
    S Voice สั่งการด้วยเสียง
    ในเมื่อ iOS มี Siri เป็นผู้ช่วยไปแล้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บนสมาร์ทโฟนซัมซุงอย่าง Samsung Galaxy S 3 (III) ก็มี S Voice เป็นเลขาเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติของ S Voice นั้น สามารถสั่งให้ Samsung Galaxy S 3 (III) เปิดแกลอรี่ภาพถ่าย หรือสั่งให้กดชัตเตอร์เอง โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องสัมผัสปุ่มชัตเตอร์แต่อย่างใด
    ถึงแม้ Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) จะไม่มีปุ่ม Shutter มาให้ แต่ผู้ใช้งานสามารถสั่งให้ชัตเตอร์ได้ ด้วยการใช้ S Voice นั่นเองครับ ถือว่า เป็นฟังก์ชั่นที่สะดวกมากเลยทีเดียว
    S Voice รองรับทั้งหมด 8 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ​(สหรัฐอเมริกา), ภาษาอังกฤษ (สหราชอาณาจักร), ภาษาอิตาลี, ภาษาเยอรมัน, ภาษาเมดิเตอร์เรเนียน, ภาษาละติน, ภาษาสเปน และภาษาเกาหลี
    S Beam ส่งภาพถ่ายหรือวิดีโอ
    คงจะพอจำกันได้ กับฟีเจอร์ Android Beam บน Samsung Galaxy Nexus ซึ่งบน Samsung Galaxy S3 (III) นั้น ก็มีฟีเจอร์นี้เช่นกัน ซึ่งมีชื่อว่า S Beam ครับ โดยผู้ใช้งาน Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) สามารถส่งภาพ หรือวิดีโอ ผ่าน NFC หรือ WiFi Direct ได้ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps
    Eye-tracking ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวของลูกตา
    บ่อยครั้งที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน จำเป็นต้องสัมผัสหน้าจอบ่อยๆ เนื่องจากหน้าจอจะดับลงถ้าหากไม่มีการสัมผัสเกินเวลาที่กำหนดแต่บน Samsung Galaxy S 3(III) นั้น มีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของลูกตา ทำให้หน้าจอ Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) ไม่ปิด หรือสลัวลง ถ้าหากผู้ใช้งานยังคงมองหน้าจออยู่
    Direct Call โทรออกได้ง่าย แค่ยกหู ไม่ต้องกดเบอร์
    ในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังพิมพ์ข้อความส่งไปหาบุคคลที่ 3 แต่เกิดเปลี่ยนใจอยากจะโทรไปหาแทน ก็ไม่ต้องกดปุ่ม หรือเบอร์โทรออกให้ยุ่งยากครับ เพราะ Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) สามารถให้ผู้ใช้งาน ทำการโทรออกได้ง่ายๆ เพียงแค่ยกแนบหู ระบบจะทำการโทรออกให้อัตโนมัติครับ
    Buddy Photo Share แชร์รูปกับเพื่อนๆ ได้อย่างง่ายดาย
    Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) มีฟีเจอร์ Buddy Photo Share สามารถจดจำ tag และแชร์รูปกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวได้ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า หรือ Face Recognition โดยที่ไม่ต้องนั่งกด tag ทีละรูปให้เสียเวลา
    รองรับเครือข่าย 4G
    เพิ่มประสิทธิภาพในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น ด้วยคุณสมบัติในการรองรับเครือข่าย 4G LTE ซึ่ง Samsung Galaxy S3 (III) จะจำหน่ายทั้งรุ่นที่รองรับ 3G เพียงอย่างเดียว และรุ่นที่รองรับ 4G LTE โดย Samsung Galaxy S III รุ่นรองรับเครือข่าย 4G LTE นั้น จะวางจำหน่ายในช่วงหน้าร้อนนี้ หรือประมาณเดือนกรกฏาคมนั่นเอง
    ตารางเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy S II
    และ Samsung Galaxy S3 III (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3)
    รุ่น
    Samsung Galaxy S II
    Samsung Galaxy S III
    เครือข่าย 2G
    850/900/1800/1900 MHz
    850/900/1800/1900 MHz
    เครือข่าย 3G
    850/900/1900/2100 MHz
    850/900/1900/2100 MHz
    เครือข่าย 4G LTE
    ไม่รองรับ
    รองรับ
    ขนาด (สูงxกว้างxหนา)
    125.3 x 66.1 x 8.49 มิลลิเมตร
    136.6 x 70.6 x 8.6 มิลลิเมตร
    น้ำหนัก
    116 กรัม
    133 กรัม
    แบตเตอรี่
    1650 mAh
    2100 mAh
    จอแสดงผล
    จอแสดงผลกว้าง 4.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED Plus Capacitive Touchscreen ความละเอียด 480x800 พิกเซล
    จอแสดงผลกว้าง 4.8 นิ้ว แบบ HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen ความละเอียด 720x1280 พิกเซล
    หน่วยประมวลผล
    Dual-Core ARM Cortex-A9 Processor ความเร็ว 1.2 GHz
    Quad-Core ARM Cortex-A9 Processor ความเร็ว 1.4 GHz
    ชิป
    Exynos 4210 Chipset
    Exynos 4212 Chipset
    ระบบปฏิบัติการ
    Android 2.3 Gingerbread
    Android 4.0.3 Ice Cream Sandwich
    GPU
    Mali-400MP
    Mali-400MP
    RAM
    1 GB
    1 GB
    หน่วยความจำภายใน
    16 GB และ 32 GB
    16 GB, 32 GB และ 64 GB
    รองรับ microSD card
    รองรับ
    รองรับ
    Wi-Fi
    802.11 a/b/g/n
    802.11 a/b/g/n
    GPS
    รองรับ
    รองรับ
    Bluetooth
    เวอร์ชั่น 3.0
    เวอร์ชั่น 4.0
    กล้องด้านหน้า
    ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
    ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
    กล้องด้านหลัง
    ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
    ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
    ไฟแฟลช
    LED Flash
    LED Flash
    Auto-focus
    รองรับ
    รองรับ
    ถ่ายภาพเคลื่อนไหว
    1080p
    1080p
    ราคา และวันวางจำหน่าย Samsung Galaxy S 3(III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3)
    ขณะนี้ โอเปอร์เรเตอร์ในประเทศไทย ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจ ได้จับจองเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเปิดตัวที่ราคา 21,900 บาท เท่ากันทั้ง 3 ค่าย ซึ่งถือว่า แพงกว่า Samsung Galaxy S II ตอนเปิดตัวเสียอีก แต่ถูกกว่า Samsung Galaxy Note หนึ่งพันบาทครับ อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า ทั้ง 3 ค่ายในไทย ไม่ว่าจะเป็น AIS, Dtac และ Truemove H นั้น จะเปิดจำหน่าย Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3) ในราคาที่เท่ากัน ฉะนั้น สิ่งที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ระหว่าง 3 เครือข่ายนี้ ก็คือ โปรโมชั่น นั่นเอง มาดูกันว่า ทั้ง 3 ค่ายนั้น ต่างขนโปรโมชั่นเด็ดๆ อะไรออกมาบ้าง

    โปรโมชั่น Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3) จาก Dtac
    - เปิดจองผ่านเว็บไซต์ และหน้าร้าน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป- รับเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2555 เป็นต้นไป- ราคาเครื่อง 21,900 บาท (รวม VAT แล้ว)- ผ่อน 0% นาน 10 เดือน- สมัครแพ็กเกจ Galaxy S III Super Deal โทรฟรี 550 นาที, ใช้งาน 3G แบบ Unlimited (จำกัดสูงสุดที่ 2GB), ค่าใช้จ่ายรายเดือน รอบบิลที่ 1-6 เดือนละ 499 บาท และรอบบิลที่ 7-18 เดือนละ 649 บาท และสามารถใช้ Dtac Wi-Fi ฟรีนาน 6 เดือน
    - เฉพาะลูกค้าที่จองออนไลน์ ลุ้นเที่ยวเกาหลีฟรี- ลูกค้า 2,000 ท่านแรก (จองแบบออนไลน์) รับฟรี microSD card 16GB

    โปรโมชั่น Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3) จาก AIS
    - เปิดจองผ่านเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 23-29 พฤษภาคม 2555- รับเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2555 เป็นต้นไป- ราคาเครื่อง 21,900 บาท (รวม VAT แล้ว)- ผ่อน 0% นาน 10 เดือน- สมัครแพ็กเกจ iSmart Package 399 บาทต่อเดือน โทรฟรี 200 นาที ใช้งาน 3G แบบ Unlimited (จำกัดสูงสุดที่ 1GB)- สามารถใช้งาน Application จาก AIS ได้ฟรี อาทิ AIS Book Store 10 เล่ม, E-newspaper 6 ฉบับ, AIS Music Store นาน 1 เดือน
    โปรโมชั่น Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3) จาก Truemove H
    - เปิดจองผ่านเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 23-31 พฤษภาคม 2555- รับเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2555 เป็นต้นไป- ราคาเครื่อง 21,900 บาท (รวม VAT แล้ว)- ผ่อน 0% นาน 18 เดือน ผ่านบัตร First Choice- แพ็กเกจ Smart 899 โทรฟรี 500 นาที ใช้งาน 3G แบบ Unlimited (จำกัดสูงสุดที่ 2GB) และใช้ True Wi-Fi ได้ไม่จำกัด
    - ของแถม ได้แก่ ฟิล์มกันรอยรุ่นพิเศษ, ที่ชาร์จในรถยนต์, Bluetooth และ microSD card 16GB มูลค่ารวม 2,400 บาท- ดูทีวีคุณภาพระดับ HD บนมือถือด้วยเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์จากทรูวิชั่นส์และช่องสาระบันเทิงอื่นๆ สูงสุด 91 ช่องผ่าน H TV นาน 1 ปี มูลค่ากว่า 4,700 บาท- สิทธิ์ลุ้นรับแพ็คเกจทัวร์พร้อมชมคอนเสิร์ตมาดอนนาที่ฝรั่งเศส 6 วัน 3 คืน มูลค่ากว่า 200,000 บาท



    ราคา new iPad (iPad 3) และ ราคา iPad 2 ในไทย


    ราคา new iPad (iPad 3) และ ราคา iPad 2 ในไทย  ราคา new iPad (iPad 3) เครื่องหิ้ว เครื่องศูนย์ มาบุญครอง new iPad (iPad 3) เครื่องศูนย์ iPad 2 3G (ไอแพด 2 Wifi+3G) [บทความ]




    อัพเดทราคา iPad 2 ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) ในไทย ณ วันที่ 21 กรกฏาคม 2555
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPad รุ่นใหม่ แห่งปี 2012 ซึ่งมีชื่อว่า The new iPad (iPad 3เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือเวลาประมาณ ตีหนึ่ง ตามเวลาในประเทศไทย
    โดยการออกแบบของ The new iPad (iPad 3) นั้น มีหน้าตาคล้ายกับ ไอแพด 2 (iPad 2) ครับ ซึ่งมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 9.7 นิ้ว แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนสเปคภายในให้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือ The new iPad (iPad 3) ใช้หน้าจอแบบ Retina Display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ซึ่งมีความละเอียดกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ข้างละ 2 เท่าเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ ระบบประมวลผลภาพหรือ GPU นั้น ยังเป็นแบบ Quad-core Processor ซึ่งตอบรับการเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วน RAM ของ The new iPad (iPad 3) นั้น เพิ่มขึ้นเป็น 1GB ครับ
    นอกจากนี้ สำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูป The new iPad (iPad 3) ยังได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปให้ดีขึ้น โดยเพิ่มความละเอียดจาก 0.7 ล้านพิกเซล ใน ไอแพด 2 (iPad 2มาเป็น 5 ล้านพิกเซลแล้ว โดยเซนเซอร์ที่ใช้นั้น เป็นแบบเดียวกับที่ใช้บน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) นั่นเอง
    The new iPad (iPad 3) จะเปิดจำหน่ายในวันแรก คือวันศุกร์ที่ 16 มีนาคมนี้ ใน 10 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย และวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ในอีก 26 ประเทศ ส่วนการจำหน่าย The new iPad (iPad 3) นั้น ล่าสุด Apple ได้ประกาศออกมาแล้วว่า ในวันศุกร์ที่ 27 เมษายนนี้ จะเปิดจำหน่าย The new iPad (iPad 3) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมกับอีก 8 ประเทศที่เหลือครับ
    สำหรับราคา The new iPad (iPad 3) ที่จะจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ได้มีข้อมูลเปิดเผยออกมาจากทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์ในไทย ไม่ว่าจะเป็น Dtac, AIS และ Truemove H รวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายจาก Apple อย่าง iStudio ด้วยโดยราคา The new iPad (iPad 3) นั้น แพงกว่าราคา iPad 2 ตอนเปิดตัว รุ่นละ 600 บาทครับ ทำให้ราคา The new iPad(iPad 3) เครื่องศูนย์นั้น ใกล้เคียงกับราคาขาย The new iPad (iPad 3) เครื่องหิ้ว ที่มาบุญครองเป็นอย่างมาก โดยผลการสำรวจในวันนี้นั้น เป็นดังนี้ครับ
    บทวิเคราะห์ ราคา The new iPad (ราคา iPad 3)
    ในตอนนี้ ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) เครื่องหิ้ว มีราคาต่ำกว่าเครื่องศูนย์แล้วครับ ถือว่า เป็นราคาที่น่าจับจองอย่างมาก โดย ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) เครื่องหิ้ว รุ่น 16 GB Wi-Fi นั้น อยู่ที่เรียกได้ว่า ราคาถูกกว่าเครื่องศูนย์เสียอีก แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    The new iPad (iPad 3) ทั้งเครื่องศูนย์ และเครื่องหิ้วนั้น มีสเปคที่เหมือนกันครับ ต่างกันตรงที่การรับประกัน ซึ่ง The new iPad (iPad 3) เครื่องหิ้วนั้น จะไม่มีการรับประกันจากทางศูนย์ อย่างไรก็ดี ทั้ง The new iPad (iPad 3) เครื่องศูนย์และเครื่องหิ้ว ต่างก็ได้รับการรับประกันจากทาง Apple ครับ
      








    กลับมากับการอัพเดทราคา ไอแพด 1 (iPad) และ ไอแพด 2 (iPad 2) กันบ้าง หลังจากที่ The new iPad (iPad 3) ได้มีการเปิดตัวแล้ว แน่นอนว่า iPad รุ่นเก่า หรือ ไอแพด 2 (iPad 2) นั้น ได้มีการปรับราคาลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่หน้า Apple Store Thailand ไอแพด 2 (iPad 2) รุ่น 16 GB Wi-Fi เหลือเพียง 13,500 บาทเท่านั้น ทำให้ในตอนนี้ ร้านค้าที่ห้างมาบุญครอง ได้มีการปรับราคา ไอแพด 2 (iPad 2) ลงมาแล้วเช่นกัน ไปดูกันว่า ราคา ไอแพด 2 (iPad 2) ที่ห้างบุญครอง ณ ตอนนี้ อยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง
    บทวิเคราะห์ราคา ไอแพด 2 (iPad 2)
    -  ราคา ไอแพด 2 (iPad 2) ได้ปรับราคาลงมา ถูกกว่าเดิมประมาณ 3,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งใครที่ยังสนใจ
    ไอแพด 2 (iPad 2) อยู่ ช่วงนี้ถือว่า เป็นโอกาสเหมาะที่จะจับจองเป็นเจ้าของครับ

    ขอให้มีความสุขกับการใช้และ ศึกษา เทคโนโลยีครับขอบคุณที่ติดตามครับ 

    iPhone 5 อัพเดทข่าวเปิดตัว และ ราคา iphone 5 ปี 2012


    iPhone 5 อัพเดทข่าวเปิดตัว และ ราคา iphone 5 ปี 2012 (ไอโฟน 5) ล่าสุด : Reuters ยืนยันอีกเสียง ไอโฟน 5 (iPhone 5) มาพร้อม 19-pin connector แน่นอน 


    อัพเดทข่าวล่าสุด เกี่ยวกับ ไอโฟน 5 (iPhone 5)



    [24-กรกฏาคม-2555] สำหรับข่าวเกี่ยวกับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่จะมีการเปลี่ยน Dock connector จาก 30-pin มาเป็น 19-pin นั้น เริ่มมีข่าวทำนองนี้ออกมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งล่าสุดนั้น สำนักข่าวดังอย่าง Reuters ก็ได้ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอน หลังจากที่ได้รับข้อมูลวงในว่า Apple ต้องการจะเปลี่ยน Dock connector บน ไอโฟน 5 (iPhone 5) ให้เป็นขนาด 19-pin เพื่อลดพื้นที่การใช้งาน
    โดย Reuters ได้ระบุว่า การเปลี่ยน Dock connector เป็นขนาด 19-pin นั้น จะช่วยทำให้ด้านล่างของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีพื้นที่มากพอที่จะย้ายตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังมาไว้ด้านล่างตัวเครื่องด้วย ในขณะที่ลำโพง และไมโครโฟนนั้น ยังคงอยู่ส่วนล่างเหมือนเดิม เพียงแต่มีการเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อย
    นอกจาก 19-pin connector จะมีขนาดเล็กลงแล้ว ตามรายงานข่าวเผยว่า Dock connector แบบใหม่นี้ ยังรองรับ USB 3.0 ที่จะช่วยให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่าง ไอโฟน 5 (iPhone 5) กับคอมพิวเตอร์ให้รวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
    การเปลี่ยน Dock connector ย่อมมีผลกระทบทั้งต่อผู้บริโภค และผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมอย่างแน่นอนครับ เพราะการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในครั้งนี้ คาดว่า จะมีผู้ที่ใช้ iPhone 4 หรือ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) จำนวนมาก เปลี่ยนมาใช้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กันอย่างแน่นอน ทำให้ตอนนี้เกิดข้อสันนิษฐานว่า การที่ Apple เปลี่ยน Dock connector มาเป็นขนาด 19-pin นี้ ถือว่า ยิงครั้งเดียวได้ถึง 2 ต่อครับ เพราะนอกจากจะช่วยลดพื้นที่แล้ว ยังสามารถผลิตอุปกรณ์เสริม ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปลง หรือสาย data แบบใหม่ มาขายต่อได้อีกทางหนึ่งด้วย - gsmarena.com
    ถ้าหากท่านใดที่ติดตามข่าวอัพเดท ไอโฟน 5 (iPhone 5) มาโดยตลอด จะเห็นว่า ข่าวในระยะหลังนี้ การออกแบบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะออกมาในรูปนี้เสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพอร์ตการเชื่อมต่อ ลำโพง ช่องเสียบหูฟัง และตัวเครื่องที่ยาวขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) รุ่นใหม่นั้น น่าจะมีการออกแบบที่ไม่แตกต่างจากจุดนี้มาก ยกเว้นแต่ความหนาของตัวเครื่อง ที่อาจจะบางลงได้ โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ข่าวเรื่องของแบตเตอรี่ที่น่าจะเปลี่ยนใหม่ และการเปลี่ยนพอร์การเชื่อมต่อให้เล็กลง เพื่อที่จะสามารถบีบตัวเครื่องให้บางลงได้ อย่างไรก็ดี ยังมีสเปคบางส่วนที่ยังไม่สามารถคาดเดาความถูกต้องได้ เช่น เรื่องของซีพียู ความละเอียดของกล้อง ความละเอียดของหน้าจอ รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษที่จะทำให้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ดูโดดเด่นกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในตลาด ซึ่งคำถามทั้งหมดนี้ จะเฉลยกันอีกที ตอนวันเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ
    สำหรับกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น ตามนโยบาย Product cycle ของ Apple นั้น ทำให้คาดการณ์กันว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ แต่นักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง นามว่า Brian White ได้คิดต่างจากนักวิเคราะห์ท่านอื่นๆ ครับ โดยกล่าวว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งมีเหตุผลประกอบการวิเคราะห์หลายประการด้วยกัน หลักๆ ก็คือ ในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ จะมีงานเปิดตัวที่สำคัญๆ หลายงาน ไม่ว่าจะเป็น งาน Nokia World การเปิดจำหน่าย Windows 8 รวมไปถึงข่าวลือของ Samsung Galaxy Note II (Samsung Galaxy Note 2) ที่แว่วๆ ว่า จะเลื่อนเปิดตัวในเดือนนี้ เพื่อชิงเก้าอี้กับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) เช่นกัน โดยในมุมมองของนักวิเคราะห์ มองว่า ใครชิงเปิดตัวก่อน มีสิทธิ์ก่อนครับ
    อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวว่า Apple กำลังประสบปัญหากับแบตเตอรี่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะถูกนำมาใช้บน ไอโฟน 5(iPhone 5โดยมีจำนวนแบตเตอรี่เพียง 30% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานของ Apple ในตอนนี้ แต่เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าว น่าจะไม่มีผลกระทบอะไรกับการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) มากนัก เนื่องจาก Apple คงสามารถจัดการแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่า ในมุมมองของ Brian White จะมองว่า ยังไง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ก็เปิดตัวเดือนกันยายนนี้แน่ๆ แต่เพื่อความสมบูรณ์ในการผลิต 100% ก็มีความเป็นไปได้ที่ ไอโฟน 5 (iPhone 5) อาจจะเลื่อนเปิดตัวไปเดือนตุลาคม ตามที่นักวิเคราะห์ท่านอื่นๆ พยากรณ์เอาไว้ก็เป็นได้ครับ
    ภาพพิมพ์เขียว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยืนยันหน้าจอใหญ่ขึ้นจริง
    หลังจากปรากฎภาพ กรอบด้านหน้าและหลังของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) (ข่าวเก่า) กับส่วนประกอบต่างๆ ที่ดูเหมือนว่า ไอโฟน 5(iPhone 5) น่าจะมีการออกแบบที่แตกต่างไปจาก iPhone รุ่นปัจจุบัน ล่าสุด เว็บไซต์ Cydia blog ได้เผยภาพพิมพ์เขียว ซึ่งเป็นแบบร่าง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ระบุว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น มีขนาดหน้าจอที่กว้างขึ้น และที่สำคัญ รายละเอียดในแบบพิมพ์เขียวนั้น สอดคล้องกับรูปหลุดกรอบด้านหน้าและหลัง ไอโฟน 5 (iPhone 5ครับ
    ข้อมูล ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในแบบพิมพ์เขียวนั้น ระบุความสูงของตัวเครื่อง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ไว้อย่างชัดเจนครับ โดยมีขนาดความสูงอยู่ที่ 122 มิลลิเมตร ยาวกว่า iPhone 4S ประมาณ 7 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณแล้ว พบว่า หน้าจอ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมีขนาดกว้างอยู่ที่ 4.08 นิ้ว นอกจากนี้ ตำแหน่งของกล้องหน้า ยังย้ายไปอยู่ด้านบนของลำโพงสนทนา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับภาพหลุดอีกด้วยครับ - macrumors.com
    คอนเซปท์ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในสไตล์ Liquid Metal
    ในขณะนี้ เรายังคงไม่สามารถสรุปได้ว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะใช้วัสดุประเภทใด แต่ในระยะหลังนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับวัสดุประเภท Liquid Metal มาแรงมากครับ ทำให้เชื่อกันว่า บอดี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมี Liquid Metal เป็นส่วนประกอบ ไปดูกันว่า ถ้าหากบอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น ทำมาจาก Liquid Metal จริง จะมีลักษณะ และรูปร่างเป็นอย่างไร
    ไอโฟน 5 (iPhone 5) ใช้เทคโนโลยีแบบ in-cell
    สำนักข่าว Central News Agency จากประเทศไต้หวัน ได้อ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์นามว่า David Hsieh ซึ่งระบุว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใช้เทคโนโลยีการสร้างหน้าจอแบบ in-cell ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น มาใช้ผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ โดยเทคโนโลยีแบบ in-cell นี้ จะทำให้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีหน้าจอที่บางลงกว่าเดิม
    ปกติแล้ว สมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป จะใช้เทคโนโลยีแบบ on-cell แต่เทคโนโลยีแบบ in-cell นี้ สามารถทำให้สมาร์ทโฟนมีขนาดที่บางลงได้ เนื่องจากตัว touch sensors นั้น มาอยู่รวมกับ color filters แทน ซึ่งถ้าหากเป็นสมาร์ทโฟนปกติ ตัว touch sensors จะอยู่ด้านบนครับ ฉะนั้น เทคโนโลยีแบบ in-cell จะช่วยทำให้ Apple ลดความบางของหน้าจอลงได้ แถมมีน้ำหนักเบา โดยที่ไม่จำเป็นต้องลดสเปคในส่วนอื่นๆ ครับ
    ส่วนบริษัทที่จะรับหน้าที่ในการผลิตจอแสดงผลแบบ in-cell นี้ ก็ได้แก่ Sharp และ Toshiba ซึ่งจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาสนี้ -macrumors.com
    บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปลี่ยนจากกระจก มาใช้ Liquid Metal
    แหล่งข่าวล่าสุด ได้ระบุว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปลี่ยนจากวัสดุประเภทกระจก ซึ่งใช้บน iPhone 4 และ iPhone 4S มาเป็นวัสดุแบบ Liquid Metal แทนครับ และแน่นอนว่า การออกแบบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะแตกต่างไปจาก iPhone 4S อย่างแน่นอน
    ก่อนหน้านั้น Apple ได้เคยซื้อสิทธิบัตร Liquid Metal technology มาแล้ว (แต่ก่อนเป็นของบริษัท Liquidmetal Technology) และได้นำมาผลิตเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด ดังที่เราเห็นกันทั้งบน iPhone และ iPad โดย Liquid Metal นั้น เป็นโลหะผสมระหว่าง ทองแดง (Copper) + ไทเทเนียม + เซอร์โคเนียม + นิกเกิล ซึ่งมีลักษณะพิเศษ นั่นก็คือ ป้องกันแรงขีดข่วน แรงกระแทก และการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ การใช้ Liquid Metal เป็นส่วนประกอบนั้น จะช่วยทำให้อุปกรณ์นั้น มีความบางลงด้วยครับ
    จากคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นของ Liquid Metal นั้น ทำให้คาดกันว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะใช้วัสดุประเภท Liquid Metal แทนการใช้กระจกแบบ iPhone เจเนอเรชั่นก่อนๆ ที่เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย แต่อาจจะเป็นตัวเครื่องแบบ Unibody Liquid Metal ครับ เนื่องจากต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน - geekwithlaptop.com
    ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว????
    นักวิจัยด้านการตลาด จากสถาบัน Topeka Capital Markets นามว่า Brian White ได้เปิดเผยผลการสำรวจล่าสุด หลังจากที่ได้ไปเยือนบริษัทผลิตชิ้นส่วนให้กับ Apple ในแถบเอเชีย ซึ่งพบว่า จากการพูดคุยกับ supplier หลายราย คาดกันว่า Apple น่าจะใช้หน้าจอขนาด 4 นิ้ว สำหรับการผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ นอกจากนี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่อีกด้วย แต่ยังคงเป็นสไตล์ unibody เช่นเดิม ซึ่ง Brian White เปิดเผยว่า ดีไซน์ใหม่นี่เอง ที่จะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผู้บริโภค หันมาใช้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กันมากขึ้นครับ
    นอกจากนี้ Brian White ยังได้เปิดเผยอีกว่า กระบวนการผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนจะเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ประมาณเดือนสิงหาคม - กันยายน ซึ่งทำให้ข่าวการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในเดือนมิถุนายนนี้ ตกไปครับ
    Brian White ยังได้ระบุอีกว่า นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการออกแบบใหม่แล้ว ยังเพิ่มการรองรับ 4G อีกด้วย
    อย่างไรก็ดี เมื่อ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ปัญหาที่ตามมาก็คือ ความละเอียดของหน้าจอครับ ทำให้มีทางเลือก 2 ทาง นั่นก็คือ เพิ่มความละเอียดของหน้าจอให้มากขึ้น แต่วิธีนี้ จะสร้างความลำบากให้กับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นครับ หรือทางเลือกที่ 2 นั่นก็คือ ลดความหนาแน่นของพิกเซลมาอยู่ที่ 285 ppi แทน (จากเดิม 326 ppi)
    นอกจากนี้ Brian White ยังได้รับข้อมูลจาก supplier ด้วยว่า iPad mini มีจริงครับ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่า จะเปิดตัวเมื่อไหร่ - macrumors.com
    สำหรับสเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5) คาดว่า คงได้ทราบรายละเอียดสเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5) อย่างไม่เป็นทางการกันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คาดว่า น่าจะมีขนาด 4 นิ้ว หรือใหญ่กว่า, ระบบประมวลผลแบบ Quad-core Processor ชิป Apple A6, รองรับ NFC รวมไปถึงกระจกแบบ Gorilla Glass 2 ด้วย
    นอจากนี้ ยังมีข่าวว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใช้กล้องที่สามารถถ่ายภาพ ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว แบบ 3 มิติได้ครับ
    จริงๆ แล้ว การนำเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ หรือ 3D นั้น มาใช้บนสมาร์ทโฟนนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในปีที่ผ่านมา มีสมาร์ทโฟนที่เปิดตัว พร้อมกับการถ่ายภาพแบบ 3 มิติกันหลากหลายรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น LG Optimus 3D หรือ HTC EVO 3D แต่เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น แหล่งข่าวได้เปิดเผยว่า แตกต่างจากสมาร์ทโฟน 3 มิติรุ่นอื่นๆ โดยเป็นเทคโนโลยีที่ทาง Apple คิดค้นขึ้นเอง และได้ทำการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    สำหรับรายละเอียดของ เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ ที่ระบุบนสิทธิบัตรนั้น นั่นก็คือ ขณะที่ผู้ใช้งานทำการถ่ายวิดีโออยู่นั้น ระบบเซนเซอร์จะทำการคำนวณระยะความลึก และพื้นผิว เพื่อทำการสร้างโมเดลเชิง 3 มิติ จากนั้น ทั้งภาพหรือวิดีโอจะถูกจับคู่ให้เข้ากับ โมเดลเชิง 3 มิติ และรวมกันเป็นภาพเชิง 3 มิติขึ้นมาครับ
    ถ้าหาก Apple ได้ทำเทคโนโลยีดังกล่าว มาใช้กับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้ทัน ปลายปีนี้ เราคงได้พบกับ กล้องบน ไอโฟน 5(iPhone 5) ที่สามารถถ่ายภาพแบบ 3 มิติได้ครับ รวมไปถึง iPad รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวในปี 2013 อีกด้วย - t3.com
    สำนักข่าว iMore ได้เปิดเผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะมีขนาดหน้าจอไม่แตกต่างไปจาก ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ซักเท่าไหร่ อาจจะขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (และไม่น่าจะถึง 4.6 นิ้ว) แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ Dock Connector บนไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ครับ ซึ่งจะเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กลง เป็นแบบ Micro Dock Connector แทน
    ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวลือออกมาว่า Apple ไม่ค่อยพอใจกับขนาดของ Dock Connector เท่าที่ควร เนื่องจากกินเนื้อที่ภายใน (ข่าวเก่า) จึงอยากจะเปลี่ยน Dock Connector ให้มีขนาดที่เล็กลงครับ
    นอกจากนี้ iMore ยังได้เผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 นี้ และรองรับการใช้งานเครือข่าย LTE อีกด้วย - macrumors.com
    สำหรับชื่อของ iPad รุ่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า The new iPad (iPad 3) ไม่ใช่ iPad HD ตามข่าวลือ ทำให้ในตอนนี้ กระแสข่าวของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่คาดว่า จะเปิดตัวในปลายปีนี้ เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์ ได้ประเมินว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ ที่คาดกันว่า น่าจะชื่อ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น อาจจะไม่ได้ใช้ชื่อนี้อีกต่อไปครับ แต่น่าจะเป็น "The new iPhone" ตามอย่าง The new iPad (iPad 3) นั่นเอง
    โดยเว็บไซต์ 9to5Mac อ้างว่า แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Apple ได้เผยว่า มีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่ Apple จะเรียก ไอโฟน 5 (iPhone 5) ว่า "The new iPhone t3.com
    สำหรับชิป Apple A5X ที่ใช้บน The new iPad (iPad 3) ที่เน้นการใช้งานด้านกราฟฟิคเสียส่วนมาก เนื่องจาก GPU ที่ใช้บนThe new iPad (iPad 3) มีประสิทธิภาพระดับ Quad-core Processor ทำให้ The new iPad (iPad 3) นั้น สามารถใช้งานกราฟฟิค บนหน้าจอความละเอียดระดับ Retina Display ได้อย่างสบายๆ แต่นักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง ได้เผยว่า ชิป Apple A5X นั้น มีความเป็นไปได้ที่ Apple จะผลิตมาเฉพาะ The new iPad (iPad 3) เท่านั้น เนื่องจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) หรือ The new iPhone ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้งานด้านกราฟฟิคหนักขนาดนั้น แต่น่าจะเป็นชิปตัวใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตรแทน ที่นอกจากจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วยครับ
    ส่วนสาเหตุที่ Apple ต้องรีบเข็น The new iPad (iPad 3) มาเปิดตัวกับชิป Apple A5X เป็นเพราะว่า Apple รอชิปตัวใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตร ไม่ไหวนั่นเอง - MacWorld
    กำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5)
    สำหรับกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น แหล่งข่าวในต่างประเทศหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็น Macotakara จากญี่ปุ่น, Macrumors และ iMore ค่อนข้างให้ข้อมูลที่ตรงกัน โดยระบุว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาครบรอบ Product cycle กับการเปิดตัว ไอโฟน 4S (iPhone 4S) พอดี
    นอกจากนี้ เว็บไซต์ iMore นั้น เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการเปิดตัว The new iPad (iPad 3) ไว้ว่า จะเปิดตัวในวันที่ 7 มีนาคม 2555 ซึ่งตรงกับความเป็นจริงครับ เพราะ The new iPad (iPad 3) เปิดตัววันที่ 7 มีนาคม 2555 พอดี
    สเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5)
    สเปคของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตามข่าวลือในตอนนี้ ก็คือ หน้าจอทัชสกรีนแบบ Glass to glass หรือ Gorilla Glass 2 ซึ่งหน้าจอจะมีขนาดใหญ่ถึงประมาณ 4 นิ้ว ใช้ชิพเซ็ท Apple A6 แบบ ARM Quad-core Processor รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปด้านหลัง ที่คาดว่า น่าจะมีความละเอียดสูงกว่า 8 ล้านพิกเซล บน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) อย่างแน่นอน นอกจากนี้ จะมีการเพิ่ม RAM และหน่วยความจำในตัวเครื่องอีกด้วย
    นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการปรับปรุงสเปคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีข้อมูลระบุอีกว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะชูจุดเด่นด้าน NFC เป็นหลัก ถึงแม้ว่า เทคโนโลยีนี้ น่าจะถูกนำไปใช้กับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ก็ตาม (แต่สุดท้ายก็ยังไม่มี) ทำให้เกิดกระแสต่างๆ นานาว่า NFC น่าจะพร้อมแล้วสำหรับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) โดยจะเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัท Mastercard อีกด้วย
    ล่าสุด ได้มีนักออกแบบจาก Studio Antonio De Ros ได้ออกแบบภาพ mock up ไอโฟน ที่มีชื่อว่า iPhone SJ โดยตัวอักษร SJ นั้น ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Steve Jobs โดยดีไซน์และสเปคนั้น คล้ายๆ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตามข่าวลือ นั่นก็คือ หน้าจอใหญ่ขึ้น ใช้ชิพประมวลผล Apple A6 แต่กล้องบน iPhone SJ นั้น มีความละเอียดถึง 10 ล้านพิกเซล ซึ่งเยอะกว่า ไอโฟน 5(iPhone 5) เสียอีกครับ
    อย่างไรก็ดี iPhone SJ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า จะเป็นต้นแบบของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) หรือไม่ (อ่านข่าว iPhone SJ เพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่)
    (หมายเหตุ: รูปด้านบน ใช้สำหรับการประกอบข่าวเท่านั้น ไม่ใช่ iPhone 5 เครื่องจริง)
    รูป mock up ที่คาดว่า น่าจะเป็น ไอโฟน 5 (iPhone 5)
    จากรูปด้านบนนั้น คือรูปเสมือนจริงของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ต่างคาดกันว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะถูกออกแบบให้มีลักษณะนี้ นั่นคือ ความกว้างของตัวเครื่องเท่าเดิม แต่ตัวเครื่องยาวขึ้น เนื่องจากมีการปรับเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ นอกจากนี้ Dock connector ยังมีขนาดเล็กลง เหลือ 19-pin ย้ายช่องเสียบหูฟังมาไว้ด้านล่าง และเพิ่มลำโพงขนาดเล็ก 2 ตัว ตัวเครื่องมีโลหะเป็นส่วนประกอบ และเป็นแบบ Two-tone ครับ

    ราคา iPhone 5 ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล
    ณ ตอนนี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) เราก็สามารถคาดเดาราคาของ ไอโฟน 5(iPhone 5) ได้ว่า น่าจะไม่แตกต่างไปจากราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เปิดตัวเท่าไหร่ ซึ่งบางที อาจจะเปิดตัวด้วยราคาที่เท่ากัน










    More Program Best Sellers in Software Downloads...... 


                               



                     



    ขอคำว่าขอบคุณ 1 คำก็พอแล้ว